ส่อง 3 ไอเทมเด็ดรับแฟชั่น New Normal ในยุค COVID-19 ที่ต้องห้ามพลาด
ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่งของโลกในปี ค.ศ.2020 เชื่อแน่ว่าวิกฤตการณ์โรคระบาด COVID-19 จะต้องเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่จะถูกจารึกและกล่าวขวัญถึงไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน และเหตุการณ์โรคระบาดนี้เองที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ระยะห่างทางสังคม (Social Distance)” ขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดการเว้นระยะห่างกันระหว่างผู้คนในสังคมทั่วโลก และนำพาไปสู่การปรับตัวในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ที่เรียกกันว่า “New Normal” และวิถีใหม่นี้เองที่ทำให้ก่อเกิดแฟชั่นใหม่ ๆ สำหรับผู้คนในสังคม ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปส่อง 3 ไอเทมเด็ดรับแฟชั่น New Normal ในยุค COVID-19 ที่ต้องห้ามพลาด ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.หน้ากาก เป็นหนึ่งไอเทมสำคัญอันดับที่หนึ่งสำหรับทุกคนในยุคที่การระบาดของ COVID-19 ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงหรือว่ามีการคิดค้นวัคซีนป้องกันจากหลายประเทศทั่วโลกได้สำเร็จแต่อย่างใด ซึ่งต้องบอกเลยว่าหน้ากากที่คนทั่วไปนิยมใช้ก็มีหลากหลายแบบ ไล่ไปตั้งแต่หน้ากากอนามัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วงหนึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและขาดตลาดเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าราคาปกติหลายเท่าตัว ทำให้ผู้คนหันมาใช้หน้ากากผ้ากันเพิ่มมากขึ้น และหน้ากากผ้าเหล่านี้นี่เองที่ทำให้มีการนำเอาความสวยงามหรือนวัตกรรมทางด้านแฟชั่นเข้ามาประยุกต์ใช้ด้วย เนื่องจากหากต้องการให้สินค้ามีความโดดเด่นแตกต่างจากเจ้าอื่น เจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิตต่าง ๆ ก็ต้องระดมสมองเพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกใจผู้บริโภคมากที่สุดนั่นเอง
2.สายคล้องหน้ากาก และหากพูดถึงหน้ากากไปแล้ว ไอเทมต่อมาที่จะอดกล่าวถึงไม่ได้ก็คงจะหนีไม่พ้นสายคล้องหน้ากากนั่นเอง ซึ่งเริ่มแรกเดิมทีก็เป็นไอเดียจากบริษัทผลิตหน้ากากชื่อดังแบรนด์หนึ่งที่ผลิตหน้ากากผ้าออกมาขายพร้อมสายคล้องคอในตัว ต้องบอกเลยว่าดีไซน์และไอเดียดังกล่าวถูกอกถูกใจผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยนอกจากจะได้ทั้งความสะดวกเมื่อสวมใส่แล้ว ยังเป็นไอเทมที่เพิ่มความเท่ความคูลในยุค New Normal นี้ได้เป็นอย่างมากอีกด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ค้าผู้ขายมากมายเห็นโอกาสและผลิตสายคล้องหน้ากากออกมาขายกันเพิ่มมากขึ้น ทั้งแบบผ้าธรรมดา และแบบ Hand made เช่น สายคล้องหน้ากากลูกปัด เป็นต้น
3.Face Shield หรือที่หลายคนเรียกกันว่าหน้ากากกระจังป้องกันใบหน้า เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ผู้คนในสังคมนิยมสวมใส่กันเป็นอย่างมาก เนื่องจากบางครั้งการใส่หน้ากากตลอดเวลานั้นก็ค่อนข้างน่าอึดอัดพอสมควร อีกทั้งยังทำให้การสื่อสารมีความไม่ชัดเจนได้บ้างในบางครั้ง อันจะเห็นได้จากงานสัมภาษณ์รายการต่าง ๆ ที่ผู้สนทนาจำเป็นต้องนั่งใกล้กันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในประเด็นต่าง ๆ ทั้งพิธีกรและผู้สัมภาษณ์ก็จะมีไอเทมอย่าง Face Shield ติดตัวไว้ใช้งานกันอยู่เป็นประจำ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับไอเทมเด็ดสุดปังที่เรานำมาฝากกัน เชื่อเหลือเกินว่าไอเทมบางอันนั้นท่านผู้อ่านหลายคนอาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงการระบาดของ COVID-19 นี้ อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว เพื่อรอวันที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างใกล้ชิดกันเหมือนในวันเก่า ๆ อีกครั้ง
แฟชั่นกักตัวปัง ๆ ที่บอกเลยว่าอยู่บ้านก็มีรูปสวย ๆ ไว้ลง IG ได้
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในสภาวะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคชนิดใหม่อย่างโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใดนั้น ผู้คนทั่วโลกต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการดำเนินชีวิตตามวิถีใหม่ หรือที่เรียกว่า New Normal โดยการงดพบปะพูดคุยกันโดยไม่จำเป็น มีการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เรียกว่า Social Distancing โดยเฉพาะในแวดวงการทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต่างก็รณรงค์ให้พนักงานในองค์กรของตนทำงานอยู่บ้าน (Work For Home) เพื่อช่วยลดการสัมผัส การพบเจอกันของผู้คนในสังคมลง แต่ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกมาพบเจอกัน แต่ด้วยความที่โลกยุคใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทำให้เราต่างก็มีพื้นที่ มีสังคมออนไลน์ไว้คุยกันแก้ความคิดถึงกันลงได้บ้าง และแม้ว่าทุกคนจะต้องกักตัวอยู่บ้าน แต่เรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวต้องบอกเลยว่าอยู่บ้านก็มีรูปสวย ๆ ไว้ลง IG ได้เด้อ เราไปดูกันดีกว่าว่าแฟชั่นกักตัวปัง ๆ ในยุคโควิด-19 เป็นอย่างไรกันบ้าง
1.แฟชั่นโอเวอร์ไซส์สไตล์สายชิล สำหรับคนที่ชอบเสื้อผ้าแนวที่ใส่แล้วให้ความรู้สึกสบาย ๆ โดยถือคติว่าอยู่บ้านทั้งทีไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากก็ได้ เสื้อตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นใส่สบายก็เพียงพอ ยิ่งแฟชั่นยุคนี้ด้วยแล้วการใส่เสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์นั้นกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นซะด้วย หากใครยังไม่เคยแต่งตัวแนวนี้ นี่อาจจะเป็นโอกาสอันดี เผลอ ๆ วงการเสื้อโอเวอร์ไซส์อาจจะเข้าแล้วออกยากสำหรับคุณก็เป็นได้
2.แฟชั่นเป๊ะปังแบบวันทำงาน เนื่องจากในสถานการณ์ที่ต้อง Work From Home อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนมีอารมณ์การทำงานที่เอื่อย ๆ และเฉื่อยชาลงได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการทำงานที่บ้านไม่เหมือนสภาพแวดล้อมที่ทำงานนั่นเอง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องแต่งตัวชุดทำงานออกจากบ้านเพื่อไปพบเจอผู้คนในที่ทำงานเหมือนช่วงเวลาปกติ อาจส่งผลให้ไม่มีอารมณ์ทำงานเหมือนอย่างเคยก็เป็นได้ ดังนั้นหนุ่มสาววัยทำงานหลาย ๆ คน จึงลุกขึ้นมาแต่งตัวด้วยลุคหนุ่มสาวออฟฟิศกันแบบจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บางคนก็ถึงขั้นใส่สูทอยู่บ้านเลยก็มี อันจะเห็นได้จากเหล่าดารา เซเลบหลาย ๆ คนที่ลุกขึ้นมาแต่งตัวด้วยลุคทำงานแบบจัดเต็ม สร้างสีสันในหน้าฟีด IG ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
3.แฟชั่นชุดออกกำลังกายสำหรับสายรักสุขภาพ แน่นอนว่าการทำงานอยู่บ้านนั้นทำให้ผู้คนมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาฝ่ารถติดเพื่อออกไปทำงาน จึงทำให้มีเวลาในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ดังนั้นบางคนจึงใช้โอกาสนี้ในการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และสิ่งที่จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นก็คงจะหนีไม่พ้นชุดออกกำลังกายสวย ๆ เท่ ๆ ที่มีให้เลือกซื้ออยู่มากมายตามท้องตลาดนั่นเอง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่หลายคนชอบและถ่ายรูปแบ่งปันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการกักตัวอยู่บ้านให้เพื่อน ๆ ผ่าน IG นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับแฟชั่นกักตัวแบบปัง ๆ ที่นำมาฝากคุณผู้อ่านทุกคน แต่ยังไงก็อย่าลืมว่านอกจากเรื่องการแต่งตัวแล้วการดูแลสุขอนามัยของตนเองและครอบครัวอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจลและสเปรย์คอยทำความสะอาดมือและสิ่งของที่หยิบจับ หรือการสวมใส่หน้ากากป้องกันการติดเชื้อ ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เท่านี้เราก็สามารถช่วยชาติหยุดเชื้อโควิด-19 และมีรูปปัง ๆ ลง IG กันได้แล้ว
5 เคล็ดลับ เลือกชุดแต่งกายอย่างไรให้เรียบหรูดูดี
เชื่อว่าใครหลายคนคงจะเคยได้ยินสำนวนสุภาษิตไทยโบราณที่ว่ากันว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย และหากจะสังเกตให้ดีแล้วนั้นอันที่จริงผู้คนในสังคมก็มีอยู่มากมายที่เข้าตำราที่ว่านี้ กล่าวคือ เมื่อไม่รู้จักการแต่งกายให้เข้ากับตนเอง ก็จะสวยเพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่พอรู้จักการแต่งหน้าแต่งตัว รู้จักการเลือกเสื้อผ้าตามแฟชั่นให้เข้ากับบุคลิกลักษณะของตนเองก็สวยขึ้นมาผิดหูผิดตา จนบางครั้ง บางคนก็อดที่จะมีเพื่อนทักไม่ได้ว่าไปทำอะไรมาถึงสวยขึ้น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วแค่ปรับเปลี่ยนวิธีแต่งหน้าแต่งตัวเท่านั้นเอง ดังนั้นการที่จะทำให้เราดูดีในสังคม การรู้จักหัดแต่งตัว เลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำได้ง่ายดายมาก วันนี้เรามีเคล็ดลับการเลือกชุดแต่งกายให้เรียบหรูดูดีมาฝากกัน…
1. เลือกเสื้อผ้าที่มีการตัดเย็บเรียบร้อย
เสื้อผ้าตามท้องตลาด เป็นเสื้อผ้าที่มาจากโรงงาน มีการผลิตซ้ำครั้งละเป็นจำนวนมาก และเน้นความรวดเร็ว ทำให้อาจเกิดความผิดพลาดบริเวณรอยเย็บตามตะเข็บต่าง ๆ อยู่บ่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เราผู้ซื้อควรเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีการตัดเย็บเรียบร้อย มีความมั่นคงแข็งแรง พยายามเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีตำหนิจากโรงงานให้น้อยที่สุด
2. เสื้อผ้าโทนอ่อนหรือเลือกสีคุมโทน
หากคุณจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่ต้องแต่งตัวดูดี เช่น งานแต่งงาน งานสังสรรค์ต่าง ๆ หรือการแต่งกายเพื่อไปทำงาน ไปสัมภาษณ์งาน คุณจำเป็นที่จะต้องมีเสื้อผ้าสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีเบจ หรือสีครีม ติดตู้เสื้อผ้าเอาไว้ใช้งานบ้าง เพราะโทนสีเหล่านี้นอกจากจะสามารถหยิบใส่ได้ง่ายแล้ว ยังช่วยทำให้การแต่งกายของคุณดูดีขึ้นได้อย่างไม่ยากเลยทีเดียว หรือหากไม่ใช่สีอ่อนทั้งชุดก็ขอให้เลือกเสื้อผ้าที่มีการคุมโทนสีที่เข้ากัน เพียงเท่านี้การแต่งกายของคุณก็จะออกมาดูสะอาดสะอ้าน สบายตาให้ความรู้สึกสบายใจเมื่อได้มองได้ไม่ยาก
3. ขาว-ดำ ใครว่าเหมาะกับงานสีดำเท่านั้น
การแต่งกายแบบคอนทราสต์ไปเลยแบบขาว-ดำ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่คุณสามารถหยิบมาใส่ได้ทุกเมื่อ เพราะให้ความรู้สึกสุภาพ เรียบร้อย นอกจากนี้ยิ่งหากคุณรู้จักเลือกเครื่องประดับ หรือหาองค์ประกอบอื่นที่ช่วยดึงดูดสายตาให้เข้ากับชุดขาว-ดำของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยเก๋ ๆ หรือ กระเป๋าสีจัด ๆ จะสีแดง สีส้ม ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความเป็นแฟชั่นนิสต้าในตัวคุณราวกับว่าเดินออกมาจากตู้โชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังไงยังงั้น
4. รองเท้ามีส้น หรือ ปิดคลุมทั้งเท้า
รองเท้าเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการแต่งกายให้เรียบหรูดูดี รองเท้าที่มีส้นสัก 1.5 นิ้ว จะช่วยส่งให้คุณดูผอมเพรียวขึ้นมาทันที นอกจากนี้รองเท้าที่ปิดคลุมทั้งเท้ายังช่วยให้ภาพรวมการแต่งกายของคุณดูสุภาพขึ้นได้อีกด้วย
5. เลือกใช้กระเป๋าที่มีแบรนด์ดี ๆ ช่วยได้
หากคุณอยากเลือกซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายทั้งตัวของคุณด้วยราคาประหยัด เพราะถือคติที่ว่าเทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวมาแล้วก็ไป ไม่ต้องลงทุนมากนักกับเสื้อผ้าแต่ละตัวก็ได้ ฉะนั้นขอให้คุณลงทุนที่กระเป๋าแทน โดยอาจจะเลือกซื้อกระเป๋าจาก
แบรนด์ที่พอมีชื่อเสียงสักหน่อย เพื่อให้มั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้ในระดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนมแบบ hi-end ที่มีราคาสูงเป็นหมื่น ๆ ขอแค่เลือกที่คุณชอบ ดูดี และคุณสามารถจ่ายได้ไหว สมัยนี้กระเป๋าราคาหลักพันที่ทั้งสวย และเรียบหรูดูดีก็มีให้เลือกซื้ออยู่มากมาย เคล็ดลับก็คือว่าขอให้คุณเลือกแบบเรียบ ๆ สีไม่ฉูดฉาด เน้นโทนสีมินิมอล เช่น ดำ ครีม แบบ everyday use เท่านี้ก็สามารถส่งให้ลุคการแต่งตัวของคุณดูดีขึ้นได้อย่างไม่อายใครกันแล้ว
สุดท้ายนี้เสื้อผ้าจะดูหรู ดูแพง ดูมากน้อยแค่ไหนนั้น เอาจริง ๆ แล้วหลายคนก็มักจะมองว่าขึ้นอยู่กับไม้แขวนด้วยเป็นส่วนสำคัญ เพราะหากคุณมีบุคลิกภาพที่ดี รู้จักกาลเทศะ การวางตัวที่ดี และรู้จักการเลือกซื้อเสื้อผ้า เครื่องตกแต่งที่ดูดี มี gimmic เข้ากับตัวเองได้มากที่สุด อีกทั้งมีความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านั้น เท่านี้คุณเองก็เป็นคนที่แต่งกายเรียบหรูดูดีได้ไม่แพ้ใครเช่นเดียวกัน
How to เปลี่ยนสาวอวบเป็นสาวเพรียวในพริบตา
ผู้หญิงส่วนใหญ่คงอดไม่ได้ที่จะใฝ่ฝันอยากมีหุ่นดีผอมเพรียว สัดส่วน 34-24-35 เหมือนที่บอกเอาไว้ในเนื้อเพลงลูกทุ่งชื่อดังในยุคหนึ่ง แต่เมื่อหันกลับมามองความเป็นจริง หลาย ๆ คนก็อาจจะยังไม่สามารถมีหุ่นแบบนั้นได้ แต่ไม่เป็นไรเพราะบทความนี้จะนำเอาสาระดี ๆ อย่าง “How to เปลี่ยนสาวอวบเป็นสาวเพรียวในพริบตา” มาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านกัน รับรองว่าเคล็ดลับที่นำมาฝากนี้จะช่วยให้คุณสาว ๆ แต่งตัวตามแฟชั่นแบบหุ่นเป๊ะปังปุริเย่แบบที่อยากได้อย่างไม่ยากเย็นมากนัก เคล็ดลับดังกล่าวจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย..
1. เลือกชุดพอดีตัว ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป
ใครอ่านหัวข้อ อาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ชุดพอดีตัว จะไม่เน้นสัดส่วนเกินไปเหรอ แต่แท้จริงแล้วนั้น ชุดพอดีตัว ทำให้เมื่อสาวอวบสวมใส่ จะส่งให้เห็นสัดส่วนที่แท้จริง ซึ่งไม่รัดจนเห็นเนื้อเป็นชั้น ๆ หรือ ไม่ใหญ่จนทำให้ยิ่งดูอ้วนจนเกินไปนั่นเอง
2. เลือกชุดที่ดึงดูดสายตาคนดูออกจากหุ่นจริง ๆ หรือ ที่เรียกกันว่า “ชุดหลอกตาคนดู”
สมัยนี้ แพทเทิร์นชุดกระโปรง หรือ เสื้อบางตัว มีการนำเอาลวดลายกราฟิกมาแต่งเติมเพื่อทำให้เสื้อผ้าดูแปลกตาไป ยกตัวอย่างเช่น ชุดเดรสหรือชุดกระโปรง สาวอวบควรเลือก ชุดเดรสที่มีลายเว้าช่วงเอว จะทำให้ดูมีเอวมากขึ้นได้ นอกจากนี้ ลายกราฟิกที่เป็นลายทางตรงยาว (stripe) ยังช่วยทำให้สาวอวบดูผอมลงได้อีกด้วย
3. เลือกชุดที่ปิดเฉพาะจุด
ต้องยอมรับเลยว่าสาว ๆ บางคน ไม่ได้เป็นสาวอ้วนแต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะอวบเฉพาะจุดเท่านั้น เช่น ต้นขาหรือต้นแขนใหญ่ บ้างก็มีพุงยื่นออกมาจนเกินพอดี ดังนั้นสาวคนใดที่มีต้นแขนใหญ่ การเลือกเสื้อที่มีระบายปิดต้นแขนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี และถ้าต้นขาใหญ่ ก็ให้เลือกสวมใส่กางเกงเอวสูง ขากระบอกกลาง เพื่ออำพรางต้นขาให้คนที่มองมาเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ส่วนคนไหนที่มีทั้งต้นแขนและต้นขาใหญ่ ก็แนะนำให้หยิบเสื้อคลุมหรือสูทตัวยาวที่ปิดถึงสะโพก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้คุณดูผอมเพรียว ยังทำให้คุณดูเรียบร้อย ดูสุภาพขึ้นได้อีกด้วย
4. การเลือกรองเท้าดีส่งเสริมความเพรียวให้คุณได้
สาวอวบบางคน เลือกใส่รองเท้าส้นแบน เช่น รองเท้าทรงบัลเล่ต์ (flat shoes) หรือส้นเตารีด เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักให้สวมใส่สบายขึ้น แต่เคล็ดลับก็คือว่าแค่เพียงคุณลองปรับสักนิด โดยการหันมาเลือกรองเท้าที่มีส้น โดยความสูงอาจจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 นิ้ว ไม่ว่าจะเป็นส้นเข็ม หรือส้นตันก็สามารถช่วยปรับให้คุณดูสูงเพรียวขึ้นได้ทั้งนั้น นอกจากนี้รองเท้าส้นสูงหัวแหลม หรือ รองเท้ามีส้นทรงเปลือย ยังสามารถช่วยให้คุณดูเป็นสาวเปรี้ยวขึ้นได้อีกด้วย
5. การแต่งหน้า ทำผม อำพรางแก้มอวบ ๆ ช่วยได้
สาวอวบบางคน นอกจากจะมีหุ่นที่อวบแล้ว หน้าก็ยังกลมแถมมีแก้มเยอะอีกด้วย แต่ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพียงแค่คุณเลือกตัดผมสไลด์ทรงปิดแก้ม ให้ความยาวเลยสันกรามมาซักเล็กน้อย เชดดิ้งและไฮไลท์โครงหน้าเพิ่มเติมนิดหน่อย และดึงจุดเด่นบนใบหน้า เช่น คิ้ว ดวงตา จมูก และปาก ให้มีมิติขึ้นด้วยเครื่องสำอาง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถอำพรางแก้มอวบ ๆ หน้ากลม ๆ ของคุณได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย
เป็นไงกันบ้างกับ 5 เคล็ดลับเปลี่ยนสาวอวบเป็นสาวเพรียวในพริบตา เชื่อว่าสาว ๆ ท่านใดที่ได้อ่าน คงจะรู้ว่าไม่ยากเลยที่จะลองเลือกเสื้อผ้าตามแฟชั่น หรือทรงผม ให้เข้ากับตัวเอง เพื่อให้ดูเพรียว เป๊ะปัง กันได้ไม่ยาก แต่อย่างไรก็ตามบอกเลยว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของสุขภาพ ใครที่คิดว่าตัวเองอ้วนเกินไป ก็อย่าเพิ่งท้อ เพราะเรื่องพวกนี้ขอเพียงเรามีวินัยและใส่ใจดูแลรักษารูปร่างของเราให้ดีเพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เท่านี้สุขภาพดี ๆ และหุ่นเป๊ะ ๆ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
วิธีการเลือกกางเกงในที่สาว ๆ หลายคนอาจยังไม่เคยรู้
ใครหลายคนอ่านหัวข้อนี้ก็คงจะสงสัยว่า คนเราต้องมีกางเกงในหลายแบบจริงหรือ ทำไมผู้หญิงเราต้องเลือกกางเกงในหลายแบบ หลายสีด้วยล่ะ เลือกที่ชอบอย่างเดียวไม่ได้หรือ ซึ่งคงต้องบอกว่า ได้ค่ะ แต่วิธีการเลือกกางเกงในที่นำมาฝากกันนี้จะช่วยทำให้สาว ๆ หลายคน รวมถึงหนุ่ม ๆ ที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนเข้าใจรูปแบบกางเกงในแต่ละประเภทกันเพิ่มมากขึ้น รับรองว่าถ้าอ่านบทความนี้จบ คุณผู้อ่านทุกท่านจะเข้าใจถึงความต่าง และข้อดีของกางเกงในแต่ละแบบสำหรับผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น อย่าชักช้าร่ำไรไปดูกันเลย…
1. กางเกงในไร้ขอบ
บางท่านอาจไม่คุ้นเคยกับคำว่าไร้ขอบ เหมือนขนมปังตัดขอบหรือเปล่า ใช่เลยค่ะ กางเกงในไร้ขอบ ก็คือ ไม่มีการเย็บกุ๊นผ้าช่วงขอบ หรือที่เรียกกันว่าตะเข็บริมผ้า ซึ่งข้อดีของกางเกงในประเภทนี้ คือ ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่กางเกงใน เพราะมันจะเนียนไปกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ เหมาะกับเวลาที่ใส่กระโปรงรัดรูป หรือ กางเกงสีอ่อน เนื้อบาง ที่คุณผู้หญิงไม่ต้องการให้เห็นรอยขอบกางเกงในนั่นเอง
2. กางเกงในทรงบอย
ใช่กางเกงในผู้ชายหรือเปล่า ตอบเลยว่า คล้ายกับกางเกงในผู้ชายนั่นเอง เพราะจะเป็นเหมือนกางเกงขาสั้น มีขาลงมา กางเกงในประเภทนี้ เหมาะกับ ชุดที่แนบเนื้ออีกเช่นกัน แต่สามารถเก็บเนื้อส่วนเกินของก้นและสะโพกได้ดีกว่า กางเกงในไร้ขอบแบบธรรมดา
3. กางเกงในสำหรับวันนั้นของเดือน
สาว ๆ คงทราบดีว่า วันแดงเดือดนั้น ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ บางครั้งก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้น การที่คุณสาว ๆ จะมีกางเกงในสำหรับวันนั้นของเดือน ก็จะสามารถช่วยให้การซักกางเกงในนั้นง่ายขึ้น เพราะกางเกงในประเภทนี้จะมีผ้าอีกชั้นมารองรับ ส่วนมากเป็นผ้าสีขาว เนื้อลื่น ๆ เพื่อให้แตกต่างจากกางเกงในปกติ ซึ่งกางเกงในประเภทนี้ ก็สามารถใส่ได้ทุกวัน หากสาว ๆ บางท่านกังวลกับตกขาว หรือ จะใส่ในวันแดงเดือดอย่างเดียวก็ได้ไม่ว่ากัน
4. กางเกงในจีสตริง
หลายท่านอาจคุ้นเคยกับกางเกงในจีสตริง เนื่องจาก สาว ๆ ที่ชอบความเซ็กซี่มักจะเลือกใส่กางเกงในประเภทนี้อยู่บ่อย ๆ แต่ทว่า ข้อดีนอกจากความเซ็กซี่ ก็คือ ทำให้คุณดูเหมือนไม่ใส่กางเกงในนั่นเอง อ้าว!! แล้วต่างอย่างไรกับกางเกงในไร้ขอบล่ะ กางเกงในจีสตริง เหมาะกับกระโปรงหรือเดรสที่พอดีตัวมาก ๆ หรือ แนบเนื้อแบบมาก ๆ กางเกงในประเภทนี้ จะช่วยให้เน้นความชัดของก้นเด้ง ๆ ให้มีมากขึ้น นอกจากจะช่วยทำให้ไม่ดูน่าเกลียดเวลาที่ใส่ชุดแนบเนื้อแล้วยังช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ได้ดีในระดับหนึ่งอีกด้วย
เชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายท่านเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะหายสงสัยกันแล้วว่า วิธีการเลือกกางเกงในแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร กางเกงในแบบใด เหมาะสำหรับใส่กับชุดการแต่งกายแบบใด อย่างไรก็ตามบอกเลยว่านอกจากประเภทของกางเกงในแล้ว การเลือกสีกางเกงใน และเนื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
รู้จักกับ Sport Photography แนวการถ่ายภาพที่หลายคนหลงใหล
Sport Photography หรือการถ่ายภาพกีฬา เป็นอีกหนึ่งแนวทางการถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากช่างภาพทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น เนื่องจากการถ่ายภาพจัดเป็นหนึ่งในงานอดิเรกอันดับต้น ๆ ในบรรดางานอดิเรกที่ผู้คนนิยมทำกันในช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการทำงานหลักที่ใช้เป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่บางคนเปลี่ยนงานอดิเรกชนิดนี้ให้กลายมาเป็นอาชีพที่สองเพื่อหารายได้เสริม เกริ่นกันมาขนาดนี้แล้วหลายคนคงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมว่าเจ้า Sport Photography นี้เค้าทำกันอย่างไร และหากอยากลองมีงานอดิเรกที่เกี่ยวกับกีฬาแบบนี้นั้น จะต้องรู้หรือศึกษาข้อมูลอะไรเบื้องต้นเพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับการเริ่มต้นเข้าสู่แวดวงการถ่ายภาพประเภทนี้ ไปไขข้อสงสัยเหล่านี้กันได้เลย
การถ่ายภาพแบบไหนถึงเรียกว่า Sport Photography ต้องใช้เทคนิคหรืออุปกรณ์อะไรบ้างเข้าช่วย
Sport Photography เป็นหนึ่งในการถ่ายภาพอิริยาบถรูปแบบหนึ่ง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “การถ่ายภาพแอ็คชัน” โดยการถ่ายภาพประเภทนี้จะเน้นที่การเก็บโมเมนต์ในแต่ละช่วงเวลาของการเคลื่อนไหว ในที่นี้ก็หมายถึงการเคลื่อนไหวของเหล่านักกีฬาต่าง ๆ และเทคนิคที่ช่วยให้ได้ภาพสปอร์ตแอ็คชันเหล่านี้มาก็คือการควบคุมความเร็วของชัตเตอร์ ซึ่งความเร็วชัตเตอร์ หมายถึง ระยะเวลาเปิดรับแสงเข้ามายังเซ็นเซอร์ในตัวกล้อง โดยทั่วไปแล้วความเร็วของชัตเตอร์ที่มีในกล้องทั่ว ๆ ไป มักจะระบุค่าเป็นวินาทีหรือเศษส่วนวินาที เช่น 1 วินาที 1/4 วินาที 1/250 วินาที เป็นต้น ยิ่งความเร็วชัตเตอร์สูงมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสหยุดการเคลื่อนไหวของตัวแบบ และได้ภาพที่ดี ๆ ในอิริยาบถต่าง ๆ ได้สูงมากเท่านั้น
นอกจากการควบคุมความเร็วชัตเตอร์แล้วนั้น โดยส่วนมากแล้วช่างภาพแนวสปอร์ตมักจะใช้ฟังก์ชันการควบคุมความไวแสง ISO ควบคู่ไปด้วยเสมอ เพราะค่าความไวแสง ISO เป็นค่าที่มีไว้สำหรับใช้ควบคุมความไวต่อแสงของเซ็นเซอร์ภาพ ยิ่งมีค่าความไวแสงมาก ก็ยิ่งสามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นช่างภาพที่ถ่ายรูปกีฬาจึงมักควบคุมค่าความเร็วชัตเตอร์และค่า ISO ให้มีค่าสูง ๆ เพื่อให้สามารถได้ภาพอย่างที่ตนต้องการ แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังไว้สำหรับการถ่ายภาพประเภทนี้ในที่มืดก็คือ Noise ซึ่งเป็นจุดภาพที่ทำให้ภาพไม่สม่ำเสมอกันนั่นเอง
และสุดท้ายสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับช่างภาพที่ชอบถ่ายภาพแนวสปอร์ตก็คือเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล หรือที่เรียกกันว่า เลนส์เทเล (Telephoto Lens) แน่นอนว่าการถ่ายภาพกีฬาบางชนิด เช่น กีฬาฟุตบอล กีฬาว่ายน้ำ กีฬาวิ่ง ผู้ถ่ายภาพไม่สามารถที่จะเข้าใกล้ตัวนักกีฬาที่เป็นแบบได้มากเท่าไหร่นัก ดังนั้นเลนส์ชนิดนี้จึงจำเป็นและสำคัญมากสำหรับโอกาสการได้ภาพที่เป็นวินาทีสำคัญของเกมการแข่งขัน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการถ่ายภาพที่เรียกกันว่า Sport Photography บอกเลยว่ามือใหม่อย่าได้ท้อใจไป เพราะของแบบนี้อยู่ที่การฝึกฝนล้วน ๆ ขึ้นชื่อว่างานอดิเรกในเมื่อรักที่จะทำ แค่ได้ลงมือทำความสุขก็เกิดขึ้นทันทีอยู่แล้ว แต่หากเอาใจใส่มากพอ เชื่อแน่ว่าในวันข้างหน้าคุณอาจจะกลายเป็นรุ่นเก๋าที่มีความเป็นมืออาชีพในวงการถ่ายภาพประเภทนี้ก็เป็นได้
รู้จักของสะสมจากการแข่งขันกีฬา งานอดิเรกที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
หากพูดถึงการออกกำลังกาย ใคร ๆ หลาย ๆ คนต่างก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถบังคับตัวเองให้หมั่นออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ วัน เพราะโดยกระบวนการทางสมองของมนุษย์นั้นมักจะไม่ชอบทำอะไรที่ทำให้สมองหรือร่างกายเกิดอาการเหนื่อยล้าจนเกินไป ซึ่งถือเป็นพื้นฐานการเอาตัวรอดตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นเวลาที่ให้เลือกทำระหว่างการนอนอยู่เฉย ๆ การดูทีวี ดูซีรี่ย์ กับการออกจากบ้านเพื่อไปออกกำลังกาย แน่นอนว่าสมองจะสั่งให้มนุษย์เลือกทำสิ่งที่ใช้พลังงานน้อยกว่าอย่างแน่นอน ยกเว้นแต่ว่าใครจะสามารถเอาชนะสัญชาตญาณของตนเองได้ก็เท่านั้น
ดังนั้นเหล่ามนุษยชาติจึงพยายามคิดค้นหาวิธีที่จะหลอกสมอง วิธีที่จะทำให้ตนเองอยากออกกำลังกาย และวิธีหนึ่งที่สามารถใช้เป็นแรงจูงใจ โน้มน้าวสมองได้เป็นอย่างดีก็คือ การมีเป้าหมายในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างจดจ่อนั่นเอง อันจะเห็นได้จากว่ากิจกรรมการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ทำกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ก็คือการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งระยะสั้น ระยะไกล ต่างก็มีของรางวัล ของที่ระลึกไว้เป็นรางวัลให้กับผู้ที่เข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เองได้กลายมาเป็นงานอดิเรกของนักกีฬามือสมัครเล่นหลาย ๆ คน เราไปดูกันดีกว่าว่าของสะสมของเหล่านักอยากออกกำลังกายนั้นมีอะไรกันบ้าง
เหรียญรางวัล แน่นอนว่าประเภทกีฬาที่ถูกจัดบ่อยที่สุด ก็คือ กีฬาวิ่ง และทุก ๆ งาน ก็มักจะมีเหรียญรางวัลไว้สำหรับผู้ที่เข้าร่วม และสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยตามเวลาที่กำหนดได้สำเร็จ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่หลงใหลในการวิ่งนั้นแม้ไม่มีเหรียญรางวัลเป็นเครื่องล่อตาล่อใจ พวกเค้าก็พร้อมที่จะฝึกซ้อมเพื่อออกวิ่งกันอยู่แล้ว แต่สำหรับนักอยากวิ่งทั้งหลาย บางทีการได้สะสมเหรียญรางวัลในแต่ละรายการที่ตนไปวิ่งผ่านมาแล้วก็เป็นความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้มีแรงที่จะออกมาซ้อมวิ่ง มาออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกวิ่งรายกายต่อ ๆ ไปได้ดีทีเดียว ยิ่งในยุคที่งานวิ่งมีให้เลือกมากมาย ผู้จัดงานแต่ละงานต่างก็ขนไอเดียในการสร้างสรรค์เหรียญรางวัลให้มีความน่าสนใจและช่วยเป็นเครื่องดึงดูดใจให้มีผู้เข้าร่วมงานเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
ชุดกีฬา นอกจากเหรียญรางวัลแล้ว เสื้อกีฬา หรือชุดกีฬาก็เป็นอีกหนึ่งของสะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา หรือถึงขนาดที่อาจจะเป็นกองเชียร์ตัวยงในชนิดกีฬาที่ตนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อทีมฟุตบอล เสื้อทีมบาสเกตบอล หรือทีมวอลเลย์บอล เป็นต้น และสำหรับบางคนที่เคยเป็นนักกีฬาในสมัยอดีต ไม่ว่าจะเป็นสมัยมัธยม หรือมหาวิทยาลัย บางคนก็ยังคงเก็บรักษาชุดกีฬาเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดี เพราะเราต่างรู้กันดีว่าของสะสมบางอย่างที่เป็นงานอดิเรกของเราในปัจจุบัน บางชิ้นก็บรรจุเรื่องราวความหลังครั้งอดีตของเราเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เชื่อแน่ว่าหากใครมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก
สำหรับการสะสมซึ่งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของงานอดิเรกนั้น ไม่ว่าจะสะสมอะไรไว้ ขอเพียงสิ่งเหล่านั้นช่วยผลักดันให้เราทำสิ่งที่ดี ๆ เช่น การอยากออกกำลังกาย อยากเล่นกีฬา เชื่อแน่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยนอกจากความผ่อนคลายที่ได้จากการทำสิ่งที่รักแล้ว ยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อีกด้วย แล้วคุณล่ะมีของสะสมที่ช่วยให้อยากออกกำลังกายบ้างแล้วหรือยัง
2 ชนิดกีฬาที่กลายมาเป็นงานอดิเรกที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ
ถ้าพูดถึงผู้หญิงกับงานอดิเรกยามว่างแล้วนั้น หลายคนก็อาจจะนึกถึงเรื่องงานครัว หรือเรื่องความเป็นแม่บ้านแม่เรือนมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การทำขนม การจัดดอกไม้ หรือกระทั่งการเย็บปักถักร้อยแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกคาดหวังให้มีความสามารถ มีทักษะเหล่านี้อยู่ในตัว เอาไว้ใช้คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ในบ้านในครอบครัวให้เรียบร้อยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคุณสามีและลูก ๆ ในอนาคตนั่นเอง แต่ต้องบอกเลยว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง จริงอยู่ที่งานอดิเรกของผู้หญิงบางคนก็ยังคงเป็นอะไรที่กล่าวมาข้างต้นอยู่บ้าง แต่ก็มีผู้หญิงหลายคนไม่น้อยเหมือนกันที่มีงานอดิเรกนอกบ้านแบบอื่น ๆ สำหรับบทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ 2 ชนิดกีฬาที่กลายมาเป็นงานอดิเรกที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ จะมีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย
1.การปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้เป็นปกติดี เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ผู้คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ กีฬาชนิดนี้กลายมาเป็นกีฬาที่ผู้หญิงหลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมายนัก แต่สามารถช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไว้ได้แทบทุกส่วน อีกทั้งประโยชน์ของกีฬาชนิดนี้มีมากมายนอกเหนือไปจากการได้สุขภาพที่ดี อาทิ ช่วยลดพลังงานให้โลกได้ เช่น บางคนที่อาจจะปั่นจักรยานไปทำงาน หรือไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ใกล้บ้าน ช่วยให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลาย เพราะบางครั้งสองข้างทางที่ปั่นจักรยานนั้น ก็ทำให้เราได้เห็น ได้มองอะไรเพิ่มเติมนอกจากช่วงเวลาปกติ แถมยังเป็นกีฬาที่ใช้รวมพลกับเพื่อน กลุ่มแก๊งไปแฮงค์เอาท์กันตามต่างจังหวัดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีอีกรูปแบบหนึ่งด้วย
2.การปีนหน้าผา ไม่ว่าจะเป็นการปีนหน้าผาจริง ๆ หรือว่าหน้าผาจำลองก็ตาม บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่เป็นงานอดิเรกที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะกีฬาชนิดนี้นั้นนอกจากจะให้เรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังเป็นกีฬาที่ใช้ฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เนื่องจากการปีนหน้าผานั้น ผู้ปีนจำเป็นจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำยังไงให้ตัวเองสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหน้าผานั้น ๆ ได้ นอกจากนี้ยังเป็นกีฬาที่สามารถใช้ทดสอบจิตใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ากีฬาชนิดนี้นั้นต้องอาศัยความกล้าเพื่อที่จะเอาชนะความกลัวในเรื่องของความสูง และเชื่อเถอะว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณมีครั้งแรกในการปีนขึ้นไปถึงจุดยอดสุดของหน้าผาที่คุณปีน เมื่อนั้นคุณจะอดติดใจและอยากเสพความสำเร็จแบบนั้นอีกไม่ได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามนอกจาก 2 ชนิดกีฬาที่นำมาแนะนำกันแล้ว สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่สนใจอยากมีงานอดิเรกเกี่ยวกับกีฬา ก็อาจจะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ เพราะกีฬาบนโลกนี้ยังมีให้ลองอีกมากมายหลากหลายชนิด ลองไปเรื่อย ๆ จะได้รู้ว่าชอบกีฬาชนิดใดมากที่สุดนั่นเอง
รู้จัก “โยคะ” หนึ่งในงานอดิเรกเกี่ยวกับกีฬาที่มีประโยชน์มากมาย
โยคะ (Yoga) คือ วิธีหนึ่งที่ใช้ฝึกเพื่อมุ่งเน้นการรวมร่างกาย กับจิตวิญาณเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การฝึกโยคะสามารถช่วยให้การทำงานของร่างกายประสานกับจิตใจได้ดียิ่งขึ้น เกิดจากการที่ต้องมีใจจดจ่อกับลมหายใจขณะที่ยืดเหยียดร่างกายด้วยโยคะท่าต่าง ๆ กิจกรรมชนิดนี้จัดเป็นงานอดิเรกเกี่ยวกับกีฬาชนิดหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบ และกำลังเป็นที่นิยมจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมวัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ เพราะเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก ใช้เวลาไม่มากมายอะไรนัก แล้วที่ว่าเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬานั้นมันเป็นยังไงไปหาคำตอบกันได้เลย
โยคะสำคัญกับการออกกำลังกายหรือการแข่งขันกีฬาอย่างไรไปดู
เราทุกคนทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าขั้นตอนการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเฉย ๆ หรือการออกกำลังกายเพื่อฝึกฝน ฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันกีฬานั้น สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เป็นอันขาด ก็คือ การอบอุ่นร่างกาย (Warm Up) ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อร่างกายเกิดความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย ลดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการออกกำลังกายได้ดีอีกด้วย และโยคะก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถใช้ในการช่วยยืดเหยียดร่างกาย ช่วยให้มัดกล้ามเนื้อในร่างกายผ่อนคลายลงได้นั่นเอง แถมโยคะยังเป็นกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องมีการใช้แรงหรือต้องกระแทกมากจนเกินพอดีอีกด้วย ช่วยลดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในภายหลังได้ดีเลยทีเดียว เราไปดูกันดีกว่าหากมีงานอดิเรกเป็นการเล่นโยคะ เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
รู้หรือไม่ ประโยชน์ที่ได้แน่ ๆ จากการเล่นโยคะ
1.ฝึกสมาธิ อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า โยคะ ต้องอาศัยการโฟกัสที่ลมหายใจเข้าออกระหว่างที่ยืดเหยียดร่างกายด้วยท่าโยคะต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งนี้เองที่จะทำให้ร่างกายเกิดสมาธิ ซึ่งจะช่วยให้เรามีจิตใจจดจ่อ รู้จักฝึกความอดทน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
2.ลดอาการปวดเมื่อย ซึ่งอาจเกิดจากอาการออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) และอาการปวดไมเกรนลงได้ เนื่องจากอาการเหล่านี้สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากการที่เลือดลมเดินได้ไม่ค่อยสะดวกเหมือนปกติ อาจเพราะใช้ร่างกายหรือสมองอย่างหนักหน่วงเกินไป การเล่นโยคะจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย หลอดเลือดขยาย เลือดลมเดินได้สะดวกมากขึ้น ช่วยลดอาการดังกล่าวได้ดีอีกทางหนึ่ง
3.ช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับร่างกายได้ดี เนื่องจากกีฬาบางชนิดนั้นอาจจะใช้ร่างกายข้างที่ถนัดแต่เพียงด้านเดียวในการออกกำลัง เช่น การเล่นแบดมินตัน เทนนิส เทเบิลเทนนิส เป็นต้น ทำให้อวัยวะข้างที่ใช้บ่อยมีขนาดใหญ่กว่าอีกข้าง แต่การเล่นโยคะเป็นการใช้กล้ามเนื้ออย่างสมดุลทั้งสองข้าง จึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ไขเรื่องความไม่สมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดี
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เรื่องโยคะที่นำมาฝากกัน สำหรับใครที่เล่นโยคะอยู่แล้วก็คงจะเป็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้างานอดิเรกชนิดนี้นั้นมีประโยชน์มากมายจริง ๆ ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นก็ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าให้ดีที่สุดอยากให้คุณผู้อ่านลองเปิดใจหันมาเล่นโยคะกันดูซักครั้ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ประโยชน์ด้วยตัวเองโดยตรงนั่นเอง
รู้จักกับ “Skateboard” งานอดิเรกที่เหล่าดาราชื่นชอบ
Skateboard (สเก็ตบอร์ด) เป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่เป็นงานอดิเรกที่วัยรุ่นส่วนใหญ่นิยมชมชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากกีฬาชนิดนี้นั้นนอกจากจะเป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งแล้ว ยังช่วยให้ผู้เล่นดูมีความเท่ ความคูลเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเจ้ากีฬาชนิดนี้นั้นเป็นเสมือนอุปกรณ์ประจำตัวของเหล่าแฟชั่นสายสตรีทในหมู่วัยรุ่นต่างประเทศนั่นเอง
รู้หรือไม่ว่าการเล่น Skateboard นั้นเกิดขึ้นครั้งแรก ๆ เมื่อปี ค.ศ. 1950 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในแถบรัฐ California ซึ่งมีจุดเริ่มต้นการเล่นมาจากการดัดแปลงเอาอุปกรณ์ที่ใช้เล่นกีฬาเซิร์ฟเล่นกันในทะเลเปลี่ยนมาเล่นบนพื้นดินตามท้องถนนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ลักษณะของบอร์ดที่ใช้เล่นกีฬาประเภทนี้จะไปละม้ายคล้ายกันกับบอร์ดของกีฬาเซิร์ฟ อย่างไรก็ตามในประเทศไทยเองกีฬาชนิดนี้ก็อาจจะยังแพร่หลายอยู่เพียงเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่นานมานี้การเล่น Skateboard นั้นกำลังเป็นที่ฮิตฮอตเล่นกันในหมู่ดารานักร้อง ยกตัวอย่างเช่น เต้ย จรินทร์พร ไอซ์ อภิษฏา นท The Star 7 และพะแพง AF4 เราไปดูกันดีกว่าว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เหล่าดารานักร้องเหล่านี้ต่างชื่นชอบในการเล่น Skateboard
เพราะเหตุใดผู้คนจึงนิยมเล่น Skateboard
1.กีฬาสุดท้าทายที่ใคร ๆ ก็ต้องอยากลอง บอกเลยว่าที่เห็นคนมากมายชอบเล่นกีฬา Skateboard นั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเล่นได้ดีและเก่งตั้งแต่เริ่มต้นเล่น เพราะกีฬาชนิดนี้ต้องอาศัยการทรงตัวที่ดี และต้องรู้จักการบังคับทิศทาง พลิกแพลงท่าทางการเล่นที่มีให้เข้ากับตนเองให้มากที่สุด เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ท้าทายความสามารถไม่ใช่น้อย
2.กีฬาประจำแก๊ง อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าโดยมากนั้นกีฬาชนิดนี้มักจะนิยมเล่นกันในหมู่วัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และเนื่องจากว่าเจ้าอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นอย่างบอร์ดนั้นถือเป็นพร็อพประจำตัวของสายสตรีท การรวมตัวเล่นกันในหมู่เพื่อน ๆ จึงสร้างความสนุกสนานครื้นเครง สร้างมิตรภาพที่ดีในหมู่มิตร ตลอดจนสร้างสุขภาพที่ดีไปได้พร้อม ๆ กัน
3.เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปสู่ความสนุก บอกเลยว่าถึงแม้ว่า Skateboard จะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากหมู่วัยรุ่น แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เห็นผู้คนหนุ่มสาววัยทำงานที่มีอายุเลยช่วงวัยรุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว ต่างก็ให้ความสนใจ และหันกลับมาเล่นกีฬาประเภทนี้กัน หลัก ๆ ก็คือความสะดวกในการเล่น เพราะแค่เพียงมีบอร์ด ไม่ว่าจะเป็นถนนในหมู่บ้าน หรือตามสวนสาธารณะต่าง ๆ ก็สามารถที่จะเล่นกันได้ในครอบครัว เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในช่วงวัยที่ต่างกันได้อีกช่องทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อคุณผู้อ่านทุกท่านได้ทำความรู้จักกับกีฬาประเภทนี้กันไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยากเล่น Skateboard เพื่อเป็นงานอดิเรกสำหรับผ่อนคลาย หรืออยากจริงจังถึงขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่น Skateboard ก็ตาม อย่าลืมระมัดระวังตัวในการเล่นกันด้วย เนื่องจากกีฬาชนิดนี้นั้นหากเล่นไม่ระวังอาจส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้นั่นเอง